The Matrix has you ..เพาะพันธ์มนุษย์เหนือโลก
play The Matrix Reloaded flash title click-->play The Matrix Reloaded flash click !

1.

    
ถึงแม้จะมาพร้อมกับความท้าทายที่ต้องทำให้ได้ดีกว่าต้นฉบับ ซึ่งเคยประสบความสำเร็จทั้งในด้านคำวิจารณ์, รายรับ และการเป็นสัญญลักษณ์(ไอดอล)ของหนังแห่งยุคสมัย แต่การกลับมาครั้งนี้ของผู้กำกับสองพี่น้องตระกูล วาชอร์สกี้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีกับ เดอะ เมทริกซ์ รีโหลดเดด,โปรเจกต์ภาคต่อที่ทรงพลัง และเล่าเรื่องราวที่ผู้ชมน่าจะเข้าใจได้ง่ายกว่าภาคแรก (ยกเว้นผู้ชมบ้านเราที่มีปัญหากับบทพากษ์,ซับไตเติ้ลภาษาไทย)
     หนังเต็มไปด้วยฉากแอ๊กชั่นที่น่าตื่นตา และมาพร้อมกับการแสดงที่ลงตัว นั่นก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอทำให้หนังภาคต่อของต้นฉบับปี 1999 ซึ่งเป็นทั้งสุดยอดของความฮิต เป็นทั้งหนังต้นแบบ และเป็นทั้งความฮือฮาที่แปลกใหม่เรื่องนี้ เป็นขวัญใจของผู้ชมที่ชื่นชอบทั้งหนังแอ๊กชั่น-ไซไฟ ขายความเท่ที่เข้าถึงกลุ่มผู้ชมทั่วไปได้ไม่ยาก จวบจนหนังภาค 3(เรฟโวลูชั่นส์) ออกมาปิดท้ายหนังไตรภาค เดอะ เมทริกซ์ ในเดือน พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้

     ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมด้วยว่าหนังภาค 2 เรื่องนี้ผู้คนต่างรอคอย และตั้งความหมายเอาไว้สูงมากๆ ก็อย่างที่รู้..ไม่มีอะไรที่อยู่ใน กระแส ความนิยมสำหรับผู้ชมได้นานหากหนังเรื่องนั้นไม่มี คุณภาพ ดีจริง เพราะฉะนั้นจึงน่าติดตามอยู่เหมือนกันว่าหนังจะประสบความสำเร็จในระดับที่ถูกตั้งความหวังเอาไว้ได้มากแค่ไหน? โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า รีโหลดเดด ในที่นี้มาพร้อมกับพล็อตที่ไม่ได้ แปลกใหม่ เท่าไหร่ มีอะไรดาษดื่นเหมือนหนังทั่วๆไป ไม่น่าค้นหาหรือชวนฉงนเนื่องจากผู้ชมยังไม่เคยพบเห็นกันมาก่อนเหมือนภาคแรก
     แต่ก็อีกล่ะ..หนังไม่น่าจะมีปัญหาอะไรสำหรับการทำรายรับหนึ่งในสี่ของ 460 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นรายรับรวมทั่วโลกของภาคแรกในสัปดาห์เปิดตัวที่อเมริกา 15 พฤษภาคม นี้(ตามที่ทุกคนคาดคิดคือ หนังภาคต่ออย่างรีโหลดเดด,เอ๊กซ์เม็น 2,นางฟ้าชาร์ลี 2 จะต้องเอาชนะตัวเองในช่วงเวลาเดียวกันของซัมเมอร์นี้ได้ไม่ยากเย็น)

     เดอะ เมทริกซ์ ต้นฉบับ,เปิดตัวในเดือนมีนาคม โดยไม่มีการโปรโมทมากมาย ผู้ชมแทบจะไม่ได้รับรู้รายละเอียดล่วงหน้ามาก่อนเลย กระนั้นหนังกลับได้รับความสนใจจากผู้ชมวัยเยาว์อย่างรวดเร็ว แล้วกลายเป็นกระแสที่ทำให้หนังเปรียบเสมือน ลัทธิ,ความคลั่งอย่างหนึ่ง ซึ่งคุณสมบัติเด่นๆที่หนังมีมาพร้อมกับความเป็นหนังการ์ตูนอยู่ในตัว ขายความเท่ในแบบไซไฟ โชว์ศิลปะการต่อสู้ของเอเชียแขนงต่างๆ สไตล์แฟชั่นล้ำยุคหลุดโลก และขายความคิดที่มีทั้ง ศาสนา และ ปรัชญา เป็นองค์ประกอบสำคัญในเวลาเดียวกัน
     รับประกันว่าจะต้องมีผู้บริหารระดับสูงของสตูดิโอมากมาย ที่ยังเจ็บใจอยู่ที่ตัวเองไม่รู้จักคิดค้นแนวหนังแอ๊กชั่นขายศิลปะการต่อสู้ และแนวคิดแบบเอเชียในตัวอย่างนี้ออกมาขาย แล้วปล่อยให้ความดีความชอบทั้งหลายไปตกอยู่กับสองพี่น้องวาชอว์สกี้ โดยพวกเขาได้แค่มองตามตาปริบๆ
   

2.

     เดอะ เมทริกซ์ สร้างความกดดันให้กับพี่น้องวาชอว์สกี้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเขามองมาตลอดว่าเรื่องราวในที่นี้ต้องสร้างเป็นหนังไตรภาคถึงจะครบเครื่อง พวกเขาถึงได้ทำให้ทุกอย่างใหญ่โตขึ้นมากในภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ เอเย่นต์สมิธ แบ่งร่างได้เป็นร้อยๆร่าง, การทำให้ นีโอ ไม่ใช่เป็นแค่ เดอะ วัน แต่ว่าเป็นราวกับซูเปอร์แมนก็ไม่ปาน (ที่จริงตอนจบภาคแรก นีโอไม่มีปลั๊กเสียบที่ท้ายทอย มีอิสระ,พลังอำนาจเหนือกราวิตี้ หรือกฏเกณฑ์ทางฟิสิกส์ใดๆ เมื่ออยู่ในเมทริกซ์) รวมทั้งการสร้างฟรีเวย์ขึ้นมา เพื่อที่จะถ่ายทำฉากขับรถไล่ล่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยปรากฏบนจอเงินโดยเฉพาะ..!
     ทั้งหมดนี้ผ่านการเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี และให้ผลลัพธ์ที่เป็นความน่าตื่นตาสำหรับผู้ชมในทันที แต่ไม่ว่าหนังจะนำเสนอฉากแอ๊กชั่นได้อย่างน่าฮือฮาแค่ไหน ก็ไม่อาจปกปิดความจริงประการสำคัญได้ว่า รีโหลดเดด ไม่ได้มีความแปลกใหม่ หรือว่าสร้างความ เซอร์ไพร้ส์ สำหรับผู้ชมเหมือนอย่างต้นฉบับเคยเป็น


     ขณะที่ เดอะ เมทริกซ์ เล่าเรื่องราวที่ซับซ้อนและลึกลับ ความกดดันทั้งหลายใน พล็อต หลักของ รีโหลดเดด กลับมาพร้อมกับคำอธิบายที่ชัดเจนไม่ต่างอะไรไปจากหนัง สตาร์ เทร็ค เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว หนังเปิดเรื่องในนิมิตของนีโอ ปรากฏ ทรินิตี้ (มอส..รูปร่างแข็งแกร่ง,ทะมัดทะแมงกว่าเดิม) บุกเข้าไปเฮดออฟฟิศอาคารสูงแห่งหนึ่งเพื่อช่วยเหลือมอร์เฟียซ กับนีโอ แต่เธอกลับเสียท่าจนมุมพวกสายลับจึงคิดหนีด้วยการพุ่งตัวชนผนังกระจกแตกกระจายร่วงลงไป โดยมีสายลับตามติดระดมยิงปืนใส่กัน ฉากแอ๊กชั่นนี้ถูกเนรมิตราวกับหนังการ์ตูน สร้างความตื่นตาในทันทีต่อจากไตเติ้ลของเรื่อง หนังตัดฉับมาที่เหตุการณ์ความเป็นไปในเมือง ไซออน ซึ่งเคยเกริ่นนำมาจากภาคแรก ครั้งนี้เราได้เห็นกันชัดๆถึงความมหึมาของแหล่งพักพิงแห่งสุดท้ายของชาวโลกใต้พิภพ เป้าหมายสำคัญในการทำลายล้างของ แมชชีน (จักรกล) ผู้หวังจะครอบครองโลกแต่ฝ่ายเดียว..

     ความเป็นอยู่ของมนุษย์ในไซออนเหมือนส่วนผสมปนเปของสังคมดิสโก้ คราคร่ำไปด้วยผู้คนหลากหลายวัฒนธรรม แบบเดียวกับบรรยากาศรวมของผลงานอำนวยการสร้างของ โจเอล ซิลเวอร์ ทั้งหลาย ที่ถูกรวมเข้ากับภาพหนังอิงศาสนายุค เดอมิลล์ เคยสร้างมาแล้ว แต่เมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีความเชื่อสุดโต่งของตนเอง ในที่นี้ค่อนข้างอ่อนไหวต่อเหตุผลชี้นำชีวิตในภาวะสงคราม จึงมีผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนอย่าง มอร์เฟียซ (ฟิชเบิร์น) ทำหน้าที่ประกาศก้องว่าหลังจากสงคราม 100 ปี ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรกล ในที่สุด เดอะ วัน จะนำชัยชนะมาสู่มาตุภูมิ



3.


      สำหรับ นีโอ (รีฟส์)นับตั้งแต่เขายอมรับหน้าที่สำคัญ(กอบกู้โลกจากการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยฝ่ายแมชชีน) มีความเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นกับเขา อย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ ทรินิตี้ ในช่วงต้นๆก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ(เสียวด้วย) และก็จริงที่เจ้าตัวอาจจะรู้สึกไม่มั่นใจ " ผมหวังว่าจะรู้จักตัวเองควรจะต้องทำอะไร " แต่นีโอ..หลังจากค้นพบว่าตัวเองบินได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรในการทำได้ในสิ่งที่เขาควรจะต้องทำ ดังนั้นยามที่เขามาถึง ไซออน เขาจึงได้รับการต้อนรับไม่ต่างอะไรไปจากศาสดา(เด็กๆ,คนชรา นำผืนผ้า ดอกไม้ มาบูชาราวกับนีโอเป็น ไสบาบา,เทพอวตารชาวอินเดีย)

     หนังเน้นฉากเซ็กซ์ และพิธีกรรมในช่วงต้นแบบเดียวกับหนังอิงศาสนาที่ฮอลลีวู้ดเคยสร้างกันออกมา ไม่ว่าจะเป็นฉากเต้นรำ และเซ็กซ์หมู่ในโลกของมอร์เฟียซ บางทีออกจะเว่อร์เกินไปเสียด้วยซ้ำ ดนตรี-ลีลาระเริงรำ อึกทึก-เร่งเร้า ตัดสลับกับฉาก นีโอ ร่วมรักกับ ทรินิตี้ อย่างสะเด่าทรวง และหลังจากที่ฉากเหล่านี้ผ่านพ้นไป นีโอจะต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองในโลกแห่งความจริง เริ่มต้นด้วยการไปพบ ดิ ออราเคิล (เทพพยากรณ์,ฟอสเตอร์ผู้ล่วงลับ)
     นีโอเผชิญกับบุคคลลึกลับร่างเรืองแสงคล้ายพระอรหันต์ เซราฟ,องครักษ์ผู้ปกป้องเทพพยากรณ์ นำแสดงโดย คอลลิน เฉา เมื่อทดสอบจนรู้แจ้งในฝีมือ เขาจึงปล่อยนีโอให้เข้าไปพบเธอได้ ประตูเปิดสู่ฉากจำลองได้ดีเยี่ยมทั้งในส่วนของการแสดง และบทภาพยนตร์ ผู้หญิงผิวดำวัยกลางคนแต่งตัวธรรมดาคนนี้นั่นเองที่เป็นแรงบันดาลใจของนีโอ เธอกำชับนีโอให้ค้นหา เดอะ คีย์ เม้คเกอร์,ผู้สร้างกุญแจทุกบานในเมทริกซ์ให้เจอให้จงได้

     แต่คนแรกที่นีโอเจอหลังจากนั้น กลับเป็นคู่ปรับเก่า เอเย่นต์สมิธ (วีฟวิ่ง)ที่น่าจะตายไปแล้ว ใช่ว่าเขายังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ยังอัพเกรดตนเอง,แบ่งภาค(ก๊อปปี้)ได้จนกลายเป็นเอเย่นต์สมิธร่วมร้อย ที่นีโอจะต้องต่อสู้ในฉากแอ๊กชั่นกลางลานพื้นคอนกรีตรายรอบด้วยอพาร์ทเม้นต์สี่ด้าน เป็นฉากแอ๊กชั่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความตื่นตะลึงให้กับแฟนๆ ที่เคยผ่านตาการต่อสู้ระหว่างเอเย่นต์สมิธกับนีโอในภาคแรกมาแล้ว (คล้ายท่อนฮุกของเพลง,ฉากดวลดาบไลท์เซเบอร์ของ สตาร์ วอร์ส ทุกภาค)
     แคแร็กเตอร์ถูกกำกับให้ทำทุกอย่างได้มหัศจรรย์ ก่อนที่นีโอจะจัดการเอเย่นต์สมิธเป็นสิบๆคนล้มคว่ำเป็นลูกโบว์ลิ่ง ก็จริงที่ผู้ชมจะต้องทึ่งไปกับฉากมันๆฉากนี้ กำกับคิวบู๊โดย หยวน วู ปิง เจ้าเก่า..ก็อีกแหละลีลาศิลปะการต่อสู้ในครั้งนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าถูกตัดต่อให้เร็วขึ้น วางตำแหน่งให้แคบลงซึ่งเท่ากับลดความขึงขัง และความคลาสสิกในตัวที่น่าจะมีอยู่ในฉากนี้ไปด้วยในเวลาเดียวกัน (เหตุผลทางเทคนิคเพราะใช้สตั๊นท์แมนเพียง 12 คน เลียนแบบเป็น วีฟวิ่ง)

     การตามหา เดอะ คีย์ เม้คเกอร์ นำพานีโอ,ทรินิตี้ และมอร์เฟียซ ไปยังภัตตาคารสุดหรูแห่งหนึ่ง พวกเขามีโอกาสได้พบ มีโรวินเจี้ยน (วิลสัน),เจ้าพ่อชาวฝรั่งเศสหน้าตาดี เขาสาธยายถึงการเป็นมนุษย์ที่มีทางเลือกทั้งหลายแหล่เป็นโบนัส ก่อนจะควงสาวนางหนึ่งเข้าห้องน้ำหายวับไป ซึ่งต้องไม่ใช่ เพอร์ซีโฟเน่ (เบลลุกซี่)ภรรยาของเขาแน่นอน รายหลังนั้นคงรู้สึกขื่นขมระทมใจอยู่แล้ว จึงประชดสามีด้วยการให้ความช่วยเหลือนีโอกับพวกในการตามหาตัว เดอะ คีย์ เม้คเกอร์ แต่ก็ต้องมีสิ่งตอบแทน เธอขอแลกจูบกับนีโอให้เสียวซ่านเหมือนเขาเคยปรนเปรอคนรัก ทำเอา ทรินิตี้ ลมหึงตีขึ้นหน้า


4.

     เดอะ คีย์ เม้คเกอร์ ที่แท้ก็คือตาแป๊ะร่างเล็กชื่อ เอเชี่ยน (คิม)ซึ่งอาจจะมีกุญแจไข ปริศนา ทุกๆสิ่งได้ก็จริง แต่ในเวลาเดียวกันนี้บรรดาสมุนของ มีโรวินเจี้ยน โดยเฉพาะ แฝดล่องหน ก็ไล่ตามพวกเขามาติดๆ เหตุการณ์ตามล่าหลังจากนี้เป็นที่มาของฉากน่าตื่นเต้นที่สุดของหนัง 14 นาทีของการไล่ล่าบนฟรีเวย์ แรกทีเดียว ทรินิตี้ ขับรถเก๋งก่อนเปลี่ยนมาซิ่งมอเตอร์ไซคล์ พา เดอะ คีย์ เม้คเกอร์ หลบหนีเงื้อมมือกลุ่มวายร้ายโดยปลอดภัย ขณะเดียวกัน มอร์เฟียซ ต้องจัดการศัตรู(สายลับ)ทั้งหลายที่เอาแต่กระโจนจากรถคันหนึ่ง ไปยังคันอื่นๆอย่างน่าหวาดเสียว แถมเจ้าแฝดล่องหนยังระดมยิงปืนกลมือใส่ไม่ยั้งอีกต่างหาก

     หนังทะยานไปหาจุด ไคลแม็กซ์ ของเรื่องด้วยการให้ฝ่ายเครื่องจักรทั้งหลายจวนเจียนจะครอบครองไซออน ช่วงนีโอได้กุญแจจาก เดอะ คีย์ เม้คเกอร์ ผ่านเข้าไปพบกับ ดิ อาร์คิเท็ค,สถาปนิก ผู้สร้าง เมทริกซ์ ในฉากที่เหมือนหลุดออกมาจากโลกพิศวงของหนัง เดวิด ลินน์ ณ ที่นี้ นีโออยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยจอวิดีโอแสดงความเป็นไปในชีวิตแต่ละวัยของเขา เจ้าตัวฟังชายชราพูดถึงความหมาย ทางเลือก ของการเป็นมนุษย์ และอธิบายความเป็น เดอะ เมทริกซ์ ได้ละเอียดที่สุดเท่าที่ผู้ชมจะรับรู้ได้
     นี่เป็นส่วนที่ชี้ให้เห็นถึงความหลักแหลมของพี่น้องวาชอว์สกี้ได้เป็นอย่างดี เพราะแทนที่จะวางตัวดาราผู้คุ้นเคยในบทแบบนี้อย่าง เอียน แม็กเคลเลน หรือว่า แพทริก สจ๊วร์ต ทั้งคู่กับเลือกนักแสดงโนเนมอย่าง เฮลมุต บาไคติส มารับบท ซึ่งเป็นทั้งความน่าประหลาดใจ และแสดงได้อย่างทรงพลังไม่แพ้นักแสดงชื่อดังที่เอ่ยมา

     หนังทิ้งปริศนาคาใจ ตอนเอเย่นต์สมิธคิดวิธีใช้ ไวรัสคอมพิวเตอร์ เพื่อจู่โจมสรรพสิ่งที่ขวางหน้าทุกรูปแบบ ไม่ว่ามนุษย์หรือสายลับพวกเดียวกัน ก่อนจะครอบงำความคิดในที่สุด หลังจากเข้าสิงร่าง เบน,ชาวไซออนคนหนึ่ง เขาทดลองกรีดฝ่ามือเพื่อสัมผัสโลหิต รับรู้ความเจ็บปวดแบบมนุษย์ แต่ไม่สบโอกาสจ้วงแทงนีโอทางด้านหลัง และช่วง นีโอ เกิดอาการโคม่า หลังจากสูญเสียพลังสู้กับหมึกพิฆาตที่ตามราวีมาถึงไซออน ปุ่มเซ็นเซอร์ติดกระโหลกศีรษะนีโอถูกต่อสายไฟส่งผ่านคลื่นสมองไปยังบุรุษลึกลับฝั่งตรงข้าม ...หนังปิดเรื่องปุ๊บปั๊บพร้อมประโยค " โปรดติดตามตอนต่อไป " ใครที่เป็นแฟนเดนตายห้ามลุกเด็ดขาดในตอนนี้ เพราะหลังจาก 9 นาทีของเครดิตปิดท้ายเรื่อง หนังจะตามด้วย 1 นาทีสุดท้ายของฉากแอ๊กชั่นโปรโมท เร็ฟโวลูชั่นส์ ที่จะฉายต่อช่วงปลายปี..


5.

                   การที่มีเอฟเฟกต์เพิ่มขึ้น ทำให้ รีโหลดเดด ถูกมองว่าตั้งใจมา ขาย เอฟเฟกต์มากกว่าภาคแรก ซึ่งเป็นองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่ทำให้หนังคล้ายคลึงกับหนังแนวเดียวกันนี้เรื่องอื่นๆมากกว่าต้นฉบับ ความพยายามที่จะทำให้ภาค 2 เหนือกว่า บางครั้งก็ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเสมอไป เพราะการทำให้ พล็อต ดูง่ายขึ้น และทำให้ผู้ชมต้องคิดในส่วนที่เป็นรายละเอียดน้อยลง นั่นเท่ากับทำให้หนังลดระดับ ความลุ่มลึก ในตัวลงไปด้วยเช่นกัน

     ความตั้งใจจริงของทีมงานผู้สร้างทำให้หนังชวนติดตามชมตลอดเวลา ทีมงานที่เคยช่วยทำให้ต้นฉบับเป็น ตำนาน ส่วนใหญ่กลับมากับโปรเจกต์ภาคต่อในที่นี้ด้วย ทีมผู้แสดงนำทำได้ดีกว่าภาคแรกเสียอีก รีฟส์ นั้นเห็นได้ชัดว่ามั่นใจในบทนีโอมากขึ้น เขาทำให้ผู้ชมพอใจในความเป็นฮีโร่โดยไม่กังขา ฟิชเบิร์น ยังทรงพลัง และแตกฉานในบทมอร์เฟียซ ทรินิตี้ของ มอส กลับตรงข้าม เธอถูกปรับบทบาทการแสดงให้มีความอ่อนไหวในตัว หลังจากเธอมอบความรักให้นีโอจนหมดหัวใจ และเกิดความรู้สึกกลัวว่าอาจจะสูญเสียความรักนั้นไป น้ำเสียงของ วีฟวิ่ง ทำให้ผู้ชมจำแนกได้ชัดเจนว่าเขาอยู่ฝ่ายไหน

     เลนนิกซ์ ในบทนายทหารแห่งไซออน,ผู้มีปัญหาส่วนตัวกับมอร์เฟียซ โดยมีสาวน้อยไนโอบี,แคแร็กเตอร์ของ พินเก็ตต์ สมิธ เป็นต้นเหตุของความรักสามเส้า ลิงค์ของ เพอร์รินู ยังคงถูกกำหนดให้ผูกติดอยู่กับคีย์บอร์ดหน้าจอมอนิเตอร์สมชื่อ ในขณะที่ ฟอสเตอร์,วิลสัน,เบลลุกซี่ และ คิม นั้นต่างก็มีวินาทีที่โดดเด่นเป็นของตัวเองเหมือนกันหมด..

     ผู้กำกับ แอนดี้ และ ลาร์ลี่ วาชอว์สกี้ ผู้อำนวยการสร้าง โจเอล ซิลเวอร์ กำกับภาพ บิล โป๊ป ตัดต่อ แซช สแตนเบิร์ก ดนตรี ดอน เดวิส โปรดักชั่นดีไซน์ คิม บาเร็ตต์ ผู้แสดง คีอานู รีฟส์,ลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น,แคร์รี่-แอน มอส,ฮูโก้ วีฟวิ่ง,เจดา พินเก็ตต์ สมิธ,กลอเรีย ฟอสเตอร์,แฮโรลล์ เพอร์รินู,โมนิก้า เบลลุกซี่,แฮร์รี่ เลนนิกซ์,แลมเบิร์ต วิลสัน,แรนดัล ดุ๊ค คิม,โนน่า เกย์,แอนโธนี่ เซอร์บี้,เฮลมุท บาไคติส,นิล และ เอเดรี้ยน เรเมนต์ จัดจำหน่าย วอร์เนอร์ ความยาว 138 นาที เรต อาร์


6.


The Architect – ว่าไง นีโอ

Neo - คุณเป็นใคร

The Architect – ผมเป็นสถาปนิกที่สร้างเมทริกซ์ ผมรอคุณอยู่ คุณมีหลายคำถาม ถึงระบบจะเปลี่ยนจิตสำนึกคุณ แต่คุณก็ยังเป็นมนุษย์คนเดิม เออร์โก คุณจะเข้าใจแค่บางคำตอบ เอาเป็นว่า คำถามแรกของคุณอาจจะเข้าประเด็นที่สุด แต่คุณอาจจะไม่รู้ว่ามันก็หลุดประเด็นด้วยเหมือนกัน

Neo – ทำไมผมมาอยู่ที่นี่

The Architect – ชีวิตของคุณเกิดจากสมการที่ไม่สมดุลในการเขียนโปรแกรมเมทริกซ์
ผมตั้งใจจริง แต่ก็ขจัดความผิดปกติออกจากความแม่นยำทางคณิตศาสตร์ไม่ได้ เราต้องทำงานหนักเพื่อหลีกเลี่ยง แต่มันก็ไม่อยู่นอกเหนือความคาดหมายและการควบคุม คุณเลยไม่พ้นต้องมาอยู่ที่นี่

Neo – คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผม

The Architect - ก็ใช่ น่าสนใจนะ คุณไวกว่าคนอื่น

*The responses of the other Ones appear on the monitors: คนอื่น? คนอื่นที่ไหน? มีกี่คน? ตอบมา! *

The Architect – เมทริกซ์เก่าแก่กว่าที่คุณรู้ ผมขอนับตั้งแต่การเกิดขึ้นของความผิดปกติหนึ่งถึงอีกความผิดปกติหนึ่ง ในกรณีนี้เป็นรุ่นที่หกแล้ว

Again, the responses of the other Ones appear on the monitors: ห้ารุ่นแล้ว? หรือแค่สาม?
เขาโกหกฉันด้วย (ผู้หญิงหรือผู้ชายละเนี่ย) เฮงซวยจริงๆ

Neo: อธิบายได้สองอย่าง ไม่มีใครบอกผม ไม่ก็ไม่มีใครรู้

The Architect – ถูกต้อง คุณเริ่มเข้าใจแล้วสิ ความแปรปรวนในระบบที่เกิดขึ้นในสมการที่ง่ายที่สุด

*Once again, the responses of the other Ones appear on the monitors: แกควบคุมฉันไม่ได้ แก! ฉันจะฆ่าแก! แกบังคับอะไรฉันไม่ได้!*

Neo – ปัญหาอยู่ที่ทางเลือก

The Architect – เมทริกซ์แรกที่ผมคิดมันสมบูรณ์แบบเลยล่ะ เป็นงานศิลป์ที่ไร้ที่ติ แต่กลับกลายเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ หายนะครั้งนี้เลยเกิดขึ้น เพราะมนุษย์ทุกคนไม่สมบูรณ์แบบ ผมเลยออกแบบใหม่ตามประวัติศาสตร์ของคุณเพื่อให้เห็นความไม่ธรรมดาต่างๆ ของมนุษย์ แต่ก็ล้มเหลวอีก ผมจึงเริ่มเข้าใจว่าที่หาคำตอบไม่ได้ก็เพราะผมต้องคิดน้อยกว่านี้ หรือต้องยึดติดกับความสมบูรณ์แบบน้อยลง คำตอบต้องสะดุดเพราะโปรแกรมจากสัญชาตญาณ ที่สร้างขึ้นเพื่อสำรวจจิตใจมนุษย์ ถ้าผมเป็นบิดาของเมทริกซ์ เธอก็ต้องเป็นมารดาของเมทริกซ์แน่นอน

Neo – ออราเคิล

The Architect – ก็อย่างที่บอก เธอพบทางแก้ เกือบ 99.9% ของหนูทดลองยอมรับโปรแกรม ขอเพียงมีทางเลือก ถึงแม้จะรับรู้ในระดับจิตใต้สำนึกก็ตาม คำตอบนี้ได้ผลแต่ก็ยังมีตำหนิ จึงเกิดความขัดแย้งในระบบ ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจทำลายระบบเลยก็ได้ เออร์โก พวกที่ปฏิเสธโปรแกรม ถึงจะเป็นส่วนน้อย แต่ถ้าทิ้งไว้ อาจลุกลามเป็นหายนะได้

Neo – นี่เป็นเรื่องของไซออน

The Architect – คุณอยู่ที่นี่เพราะไซออนกำลังจะถูกทำลาย ทุกชีวิตจะพบจุดจบ ตัวตนของมันจะสูญสิ้น

Neo - บ้าชิบ

*The responses of the other Ones appear on the monitors: บ้าชะมัด! *

The Architect – การปฏิเสธเป็นการตอบสนองที่เดาง่ายที่สุดของมนุษย์ แต่ไม่ต้องห่วง นี่จะเป็นการทำ
ลายมันครั้งที่หก และเราก็ทำสำเร็จดีกว่าที่คิด

The Architect – ตอนนี้การทำงานของเดอะวันจะกลับไปที่จุดกำเนิด เพื่อแพร่รหัสที่อยู่ในตัวคุณ ใส่โปรแกรมหลักใหม่ หลังจากนั้น คุณต้องเลือกจากเมทริกซ์ 23 คน หญิง 16 ชาย 7 เพื่อสร้างไซออนใหม่ ความล้มเหลวจะทำให้ระบบเกิดปัญหารุนแรงและฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเมทริกซ์ ยิ่งมีการทำลายล้างไซออนด้วย มนุษยชาติก็จะสูญพันธุ์

Neo – คุณปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้นะ มนุษย์ต้องอยู่รอด

The Architect – การอยู่รอดมีหลายระดับ เราต้องทำใจยอมรับ แต่ที่สำคัญ คุณพร้อมจะรับผิดชอบต่อความตายของมนุษย์ทุกคนในโลกหรือเปล่า

The Architect – ปฏิกิริยาคุณนี่น่าสนใจนะ ห้าคนก่อนหน้าคุณถูกออกแบบด้วยเหตุผลเดียวกัน เป็นการยืนยันว่าจะสร้างความผูกพันลึกซึ้งให้กับคนอื่นในเผ่าพันธุ์คุณ เพื่อให้เดอะวันทำงานง่ายขึ้น คนอื่นได้เจอแบบธรรมดา แต่ประสบการณ์ของคุณพิเศษกว่ามากในเรื่องความรัก

Neo - ทรินิตี้

The Architect – อะพรอโพสเสี่ยงชีวิตเข้ามาในเมทริกซ์เพื่อช่วยคุณ (apropos นี่เป็นตัวเดียวกับ trinity รึเปล่าอะ)

Neo - ไม่นะ!

The Architect – ทำให้เราเข้าใจความจริงในที่สุด เราได้เห็นความบกพร่อง เห็นความผิดปกติทั้งตอนต้นและตอนท้าย มีประตูสองบาน บานขวาเปิดไปหาจุดกำเนิด ช่วยเหลือไซออน บานซ้ายพากลับไปที่เมทริกซ์ ช่วยเธอและเผ่าพันธุ์ของคุณ คุณบอกว่าปัญหาอยู่ที่ทางเลือก แต่เรารู้แล้วว่าคุณเลือกจะทำอะไร ผมเห็นปฏิกิริยาห่วงโซ่ สารเคมีที่บอกถึงอารมณ์ เราออกแบบให้อยู่เหนือเหตุผล อารมณ์นั้นปิดหูปิดตาคุณจากความจริงที่เห็นได้ชัด เธอกำลังจะตาย คุณไม่มีทางหยุดได้

*Neo walks to the door on his left*

The Architect – ความหวัง เป็นความเพ้อเจ้อของมนุษย์ เป็นจุดเริ่มต้นของความแข็งแกร่งและความอ่อนแอที่สุดพร้อมกัน

Neo – ถ้าผมเป็นคุณ จะหวังให้เราไม่เจอกันอีก

The Architect – เราไม่เจอกันหรอก
             
    (Dialogue from webboard Pantip.com,Starpics_club)

     text by piraChan re-write from Todd Mccarty,Variety Magazine translaeted by Entertain vol.723 May 16 - 22,2003

 
              

What IsThe Matrix    The Matrix (1999) : เพาะพันธุ์มนุษย์เหนือโลก   Wikipedia (Thai)
Pirachan : พิรฌาน